ระดับการวัดหรือมาตรวัดของข้อมูล แบ่งเป็น 4 ระดับคือ
1. ระดับนามบัญญัติ (Nominal data)
เป็นการกำหนดลักษณะของข้อมูลออกเป็นกลุ่ม
หรือประเภท โดยแต่ละประเภทไม่ได้มีลักษณะว่ามีค่ามากกว่าหรือน้อยกว่ากัน
การวัดระดับนี้ถือว่าเป็นการวัดที่มีความละเอียดน้อยสุดเมื่อเทียบกับระดับอื่นๆ
ตัวอย่างข้อมูลระดับนามบัญญัติ เช่น
เพศ : ชาย, หญิง
โดยอาจกำหนดให้
ชาย =1 , หญิง =2
เชื้อชาติ : ไทย, จีน, ลาว
การสูบบุหรี่ : สูบ, ไม่สูบ
การจำแนกข้อมูลแบบนี้ไม่สามารถนำค่ามาคำนวณทางคณิตศาสตร์ได้
2. ระดับเรียงอันดับ (Ordinal data)
เป็นการกำหนดลักษณะข้อมูล
โดยแบ่งออกเป็น กลุ่ม และสามารถบอกความแตกต่างระหว่างกลุ่มได้
ซึ่งลักษณะที่ใช้บอกความแตกต่างใช้หลักมากกว่าหรือน้อยกว่า เช่น
การบอกความชอบว่าชอบอันไหนมากกว่ากัน ตัวอย่างเช่น สมศรีชอบสี 3 สีเรียงลำดับจากมากไปหาน้อย คือ สีขาว สีส้ม สีชมพู
การแสดงข้อมูลแบบนี้จะไม่สามารถบอกได้ว่าชอบมากกว่า หรือน้อยกว่าแค่ไหน
แต่จะใช้บอกลำดับ หรือตำแหน่งของสิ่งที่เราสนใจเท่านั้น
3. ระดับช่วง (Interval data)
เป็นการวัดรายละเอียดที่แตกต่างกันของตัวแปร
โดยค่าที่ได้ออกมาเป็นตัวเลข และสามารถบอกความแตกต่างได้ว่า
มีค่ามากกว่าหรือน้อยกว่าเท่าไร
การวัดเป็นระดับช่วงสามารถเอาตัวเลขมาคำนวณทางคณิตศาสตร์ได้ แต่ระดับการวัดแบบระดับช่วงจะมีค่าของเลขศูนย์เป็นค่าที่กำหนดขึ้นเองไม่ได้เป็น
ค่าศูนย์ที่แท้จริง หรือเรียกว่าเป็น Relative Zero การที่มีค่าเป็นศูนย์ไม่ได้แทนว่า
ไม่มีค่าแต่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่เรากำหนดขึ้น ตัวอย่างเช่น อุณหภูมิ ระดับสติปัญญา
4. ระดับอัตราส่วน (Ratio data)
เป็นการวัดระดับที่เหมือนกับการวัดระดับช่วง
แต่การวัดแบบอัตราส่วนมีค่าศูนย์ที่แท้จริง นั่นคือไม่มีค่า
หรือไม่มีสิ่งนั้นอยู่เลย ตัวอย่างเช่น อายุ รายได้